อัพเดทใหม่ล่าสุดเมื่อ 25 มิถุนายน 2025
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บุหรี่ไฟฟ้าได้กลายมาเป็นกระแสนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ด้วยภาพลักษณ์ทันสมัย มีกลิ่นหอม หาซื้อง่าย และถูกมองว่า ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน จนกลายเป็นทางเลือกใหม่แทนบุหรี่แบบดั้งเดิม แต่คำถามคือ จริงหรือไม่ที่บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า? และถ้าคิดจะเลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้านั่นคือทางเลือกที่ดีกว่าจริงหรือ?
แล้วบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้จริงไหม?

แม้จะมีการโฆษณาว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางลัดสู่การเลิกบุหรี่ แต่จากงานวิจัยในอังกฤษที่ศึกษาผู้ป่วย 890 คนพบว่า กลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเลิกบุหรี่ได้ 18% ส่วนกลุ่มที่ใช้ยาเลิกบุหรี่เลิกได้เพียง 9.9% ฟังดูเหมือนบุหรี่ไฟฟ้าจะได้ผลดีกว่า แต่ความจริงกลับพบว่ากว่า 80% ของผู้ที่เลิกบุหรี่ด้วยบุหรี่ไฟฟ้ากลับไปติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ขณะที่ 90% ของผู้ใช้ยาเลิกบุหรี่ได้ขาด
บุหรี่ไฟฟ้าอาจพาคุณออกจากบุหรี่มวนแต่พาไปติดกับดักใหม่ที่ยังไม่รู้ปลายทาง เพราะแม้จะดูปลอดภัยกว่า แต่ไม่ได้แปลว่าปลอดภัย
อันตรายจากสารเคมี มากหรือน้อยแค่ไหน?
บุหรี่มวนมีสารเคมีกว่า 7,000 ชนิด และอย่างน้อย 70 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง เช่น ทาร์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และเบนซีน ซึ่งล้วนเป็นตัวการของมะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคระบบทางเดินหายใจ บุหรี่ไฟฟ้าแม้ไม่มีการเผาไหม้ แต่ยังมีสารอันตรายหลายชนิด เช่น นิโคติน ฟอร์มาลดีไฮด์ อะโครลีน และโลหะหนักที่ปะปนในไอระเหย ซึ่งอาจก่อให้เกิดการอักเสบ ปอดเสียหาย และส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือด ที่สำคัญคือยังไม่มีข้อมูลวิจัยระยะยาวเพียงพอ ที่จะยืนยันผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า ต่างจากบุหรี่มวนที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจนแล้ว
ทำไมบุหรี่ไฟฟ้าถึงฮิตโดยเฉพาะในวัยรุ่น?

การตลาดที่แยบยลและภาพลักษณ์ที่ดูปลอดภัย คือกุญแจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นผลไม้ ดีไซน์ทันสมัย หรือเนื้อหาบนโซเชียลที่ทำให้การสูบดูเท่และไม่อันตราย
คำว่าไม่มีสารก่อมะเร็งถูกหยิบมาใช้ ทั้งที่ ยังไม่มีใครบอกได้ชัดว่าสารอื่นในบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยจริงหรือไม่ ที่สำคัญคือ นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นสารเสพติดเช่นเดียวกับบุหรี่มวน เมื่อใช้เป็นประจำ ร่างกายก็เสพติดในที่สุด
เปรียบเทียบแบบชัด ใครอันตรายกว่ากัน?
ประเด็น | บุหรี่มวน | บุหรี่ไฟฟ้า |
จำนวนสารเคมี | มากกว่า 7,000 ชนิด | หลักสิบถึงหลักร้อย |
สารก่อมะเร็งที่ยืนยันแล้ว | อย่างน้อย 70 ชนิด | ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน |
ความเสี่ยงต่อหัวใจ–ปอด | สูง | ปานกลาง–สูง (ตามพฤติกรรม) |
ผลกระทบต่อคนรอบข้าง | รุนแรง | ยังไม่ชัดเจนแต่มีความเสี่ยง |
ข้อมูลวิจัยระยะยาว | ชัดเจน | ยังไม่เพียงพอ |
บุหรี่มวนยังคงเป็นต้นเหตุของโรคร้ายมากที่สุด แต่ บุหรี่ไฟฟ้าเองก็ไม่ใช่ทางเลือกปลอดภัย เพราะอาจกลายเป็นพฤติกรรมเสพติดในอีกรูปแบบหนึ่ง
ถ้าอยากเลิกบุหรี่จริงๆควรทำอย่างไร?

- อย่าเปลี่ยนการเสพติดจากหนึ่งไปสู่อีกหนึ่ง เพราะอาจแค่เปลี่ยนวิธี แต่ยังไม่หลุดจากวงจรเดิม
- หาทางออกด้วยวิธีที่ปลอดภัยกว่า เช่น ปรึกษาแพทย์ ใช้แผ่นแปะนิโคติน ยาเม็ด หรือการบำบัดพฤติกรรม
- ดื่มน้ำ พักผ่อน และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากสารพิษ
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นให้สูบ เช่น สถานที่หรือพฤติกรรมเดิม ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูบ
สุดท้ายนี้ บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่คำตอบของการเลิกบุหรี่แต่คืออีกเส้นทางของการเสพติดที่เปลี่ยนรูปแบบ แม้จะดูทันสมัย ปลอดภัย และใช้งานง่าย แต่เบื้องหลังคือความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว ทางเลือกที่ดีที่สุดไม่ใช่การเลือกอันที่เบากว่า แต่คือการหยุดทั้งคู่แล้วเริ่มต้นชีวิตที่ปราศจากสารเสพติดอย่างแท้จริง

เขียนโดย เฮียเจแปน
นักรีวิวบุหรี่ไฟฟ้าชาวไทยที่สนใจและตามหาเรื่องราวในรสชาติและผู้คนที่เกี่ยวโยงกันอย่างมีนัยยะสำคัญ ผ่านควันบุหรี่แต่ละแบบ