ทำไมพอตถึงเลิกยาก วิทยาศาสตร์มีคำตอบ

อัพเดทใหม่ล่าสุดเมื่อ 25 มิถุนายน 2025

แม้พอต (Pod) หรือบุหรี่ไฟฟ้าจะถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกที่ ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน แต่หลายคนที่ลองใช้อย่างจริงจังกลับพบว่าการเลิกพอตนั้นไม่ได้ง่ายเลย แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้คนจำนวนมากโดยเฉพาะวัยรุ่นติดพอตได้ยากกว่าที่คิด? บทความของร้านพอตเราวันนี้จะพาไปดูคำตอบจากมุมมองของสมอง พฤติกรรม และสิ่งแวดล้อม

สมองของวัยรุ่นกับนิโคติน

สมองของวัยรุ่นยังไม่พัฒนาเต็มที่ โดยเฉพาะสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจ (Prefrontal Cortex) ทำให้ไวต่อสิ่งเร้าและขาดความยับยั้งชั่งใจ สมองส่วนนิวเคลียส แอคคัมเบนส์ (nucleus accumbens) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความรู้สึกพึงพอใจ ถูกกระตุ้นทันทีเมื่อได้รับนิโคติน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างการสูบกับความสุข และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง สมองจะปรับตัวให้ต้องการนิโคตินมากขึ้นเพื่อให้ได้ความรู้สึกเดิม ส่งผลให้เกิดภาวะเสพติดในที่สุด

นิโคตินคือตัวกระตุ้นโดพามีนที่ทรงพลัง

นิโคตินในพอตจะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า โดพามีน (Dopamine) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสุขและการเสพติด เมื่อร่างกายได้รับนิโคตินอย่างสม่ำเสมอ สมองจะจดจำว่าสิ่งนี้คือ “รางวัล” และเมื่อขาดไปจะเกิดอาการหงุดหงิด เครียด ไม่มีสมาธิ หรือรู้สึกทรมาน เรียกว่า “ลงแดง” อาการเหล่านี้เองที่ทำให้การเลิกพอตเป็นเรื่องยาก แม้จะมีความตั้งใจแล้วก็ตาม

อิทธิพลทางสังคมเพื่อนโซเชียลและสภาพแวดล้อม

วัยรุ่นมีแนวโน้มทำตามกลุ่มเพื่อนสูง การที่เพื่อนหรือคนในครอบครัวสูบพอตอยู่แล้วทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นเรื่อง “ธรรมดา” และยิ่งเมื่อมีโซเชียลมีเดียที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์ชวนลอง เช่น รีวิวพอต กลิ่นใหม่ ดีไซน์เท่ วัยรุ่นจึงตกอยู่ในภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการเริ่มต้นและใช้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว

แต่พอตแรงกว่าถ้าคิดเทียบเท่าบุหรี่ 20 มวน

น้ำยาพอตหนึ่งหัวมีปริมาณนิโคตินสูงมาก จนบางครั้งเทียบได้กับบุหรี่มวนถึง 20 มวนในหนึ่งชิ้น การใช้อย่างต่อเนื่องจึงทำให้ร่างกายเคยชินกับนิโคตินในระดับที่สูงมาก และเมื่อต้องการเลิก ความเคยชินนี้ก็กลายเป็นกำแพงใหญ่ ทั้งในด้านร่างกาย (ลงแดง) และจิตใจ (พฤติกรรมซ้ำซ้อน เช่น สูบระหว่างเรียน ทำงาน หรือพักผ่อน)

ความรู้สึกคุ้นเคยไม่ใช่แค่สารแต่คือพฤติกรรม

การเสพติดพอตไม่ใช่แค่เรื่องของนิโคตินที่เข้าสู่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับ พฤติกรรมซ้ำซาก ที่กลายเป็นความเคยชิน เช่น การหยิบพอตขึ้นมาถือ การสูบหลังอาหาร การสูบขณะขับรถ หรือในช่วงที่รู้สึกเบื่อ เครียด หรือว่าง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนสมองผูกพฤติกรรมเข้ากับ ความผ่อนคลาย หรือ การควบคุมอารมณ์ โดยไม่รู้ตัว

เมื่อพยายามเลิกพอต ผู้ใช้จึงต้องเผชิญกับการขาด ทั้งสารนิโคติน และ กิจวัตรทางอารมณ์ ที่เคยใช้พอตเป็นเครื่องมือจัดการ ทำให้การเลิกไม่ได้ยากเพียงเพราะอาการทางกายจากการขาดสาร แต่ยากเพราะต้องเปลี่ยนวิธีตอบสนองต่อความรู้สึก เช่น มือที่เคยว่างไม่ได้ ปากที่เคยต้องมีอะไรให้ดูด กลิ่นควันที่เคยให้ความรู้สึกสงบ สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องถูกแทนที่ด้วยพฤติกรรมใหม่ หากต้องการเลิกให้สำเร็จอย่างแท้จริง

แล้วจะเลิกพอตได้อย่างไร?

  1. ตั้งเป้าหมายและกำหนดวันหยุดสูบอย่างชัดเจน
    เช่น วันเกิด วันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้รู้สึกว่าเป็นจุดเริ่มต้นใหม่
  2. ลดปริมาณหรือหักดิบขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
    หักดิบอาจได้ผลเร็ว แต่เสี่ยงต่ออาการขาดนิโคติน ควรเตรียมแผนรองรับ เช่น หาน้ำดื่ม อมผลไม้ หลีกเลี่ยงสถานการณ์กระตุ้นอยากสูบ
  3. หาสาเหตุที่ทำให้สูบและจัดการที่ต้นเหตุ
    เช่น ความเครียด แรงกดดันจากเพื่อน หรือความเบื่อหน่าย
  4. ขอความช่วยเหลือ
    พูดคุยกับคนใกล้ชิด หรือโทรสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อรับคำแนะนำ
  5. ใช้ตัวช่วยทดแทนเช่นแผ่นแปะหรือหมากฝรั่งนิโคติน
    โดยควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หากใช้ในระยะยาว

สรุปพอตเลิกยากเพราะมันมากกว่าแค่นิโคติน

การเสพติดพอตไม่ใช่เพียงแค่การพึ่งพานิโคติน แต่คือ การเสพติดพฤติกรรมความเคยชินสภาพแวดล้อมและอารมณ์ร่วมที่ประกอบกันเป็นกิจวัตรซ้ำ ๆ ในชีวิตประจำวัน การเลิกจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการอดทนไม่สูบ แต่คือ การปรับเปลี่ยนระบบความคิดวิธีรับมือกับความเครียดและรูปแบบชีวิตที่เคยผูกติดกับพอต


หากเข้าใจว่า ความยากในการเลิกพอตไม่ใช่เพราะใจไม่แข็ง แต่เกิดจาก กลไกของสมองและพฤติกรรมที่ซับซ้อน ก็จะสามารถวางแผนรับมือได้อย่างมีสติ มีความเข้าใจ และมีโอกาสเลิกได้สำเร็จในแบบที่ยั่งยืนมากขึ้น

เขียนโดย เฮียเจแปน

นักรีวิวบุหรี่ไฟฟ้าชาวไทยที่สนใจและตามหาเรื่องราวในรสชาติและผู้คนที่เกี่ยวโยงกันอย่างมีนัยยะสำคัญ ผ่านควันบุหรี่แต่ละแบบ

#TAG
บทความที่เกี่ยวข้อง
Categories: ทั่วไป
X